ข้อคิดสำหรับคนอกหัก
อกหัก |
หลายๆ คนที่เกิดมาต่างก็ต้องผ่านช่วงชีวิตและประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย และเหตุการณ์หนึ่งที่คนในวัยหนุ่มสาวมักจะต้องประสบคือการรู้สึกชอบหรือถึง กับรักใครคนหนึ่ง และบางคนก็ไม่อาจสมหวังในความรักนั้นได้ ต้องเกิดอาการ ”อกหัก” ขึ้น และเพื่อเป็นการระบายปัญหาคนในวัยหนุ่มสาวมักจะหันไปหาเพื่อน ของมึนเมาต่างๆ หรือสิ่งเสพติด เพื่อประชดตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่หนุ่มสาวส่วนหนึ่งจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลก็มักจะทำให้สูญเสียอนาคต ไปได้ ผมอยากจะเล่าเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่อกหักจากความรัก แต่เธอคนนั้นได้คิดและมีสติ เพราะเธอรู้ว่าผู้ชายที่รักเธอมากที่สุดโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นความรักที่บริสุทธิ์ 100% คือคนที่เธอควรไปปรึกษาปัญหาอกหักนี้ และคนๆ นั้นคือคุณพ่อของเธอ เรามาฟังคำบอกเล่าของเธอกันนะครับ
เมื่อสามวันก่อน ฉันอกหัก..แยกทางกับผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด…..เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าอาการผิดหวังในความรัก มันทำให้เราเศร้า แล้วก็หดหู่ขนาดนี้ โตมาจนป่านนี้เพิ่งจะรู้…… น้ำตามันเอ่อออกมาตลอดเวลา แค่นึกขึ้นมาว่าเค้าได้พูดอะไรกับเราก่อนทุกอย่างจะ จบลง มันก็ไหลออกมาเป็นทางหยุดไม่ได้ ฉันไม่อยากนอนเพราะกลัวฝัน ขนาดฝัน ยังร้องไห้ มันเศร้าจริงๆ
เมื่อคืนนี้…..พ่อมานั่งลงตรงเก้าอี้สนามข้างๆ ฉัน เอามือมาขยิ้หัวฉัน แล้วถามฉันว่า “ลูกจำได้รึปล่าว ว่าลูกเคยเสียใจมากที่สุดเรื่องอะไร” ฉันกลั้นน้ำตาตอบพ่อโดยไม่ต้องคิดเลย “ครั้งนี้แหละค่ะ หนูเสียใจ แล้วก็ร้องไห้ มากที่สุดในชีวิตเลย หนูไม่มีทางลืมความเจ็บปวด ความเสียใจคราวนี้ง่ายๆ ค่ะพ่อ” “หนูรักเค้ามากเหรอลูก” พ่อยังคงถามฉันต่อ “พ่อคะ…..มีผู้ชายแค่สองคนที่หนูรักเท่าชีวิตของหนู คนแรกก็คือพ่อ คนที่สองก็คือ เค้า หนูไม่รู้จริงๆ ว่าวันข้างหน้า หนูจะรักใครได้เท่านี้อีกรึปล่าว” พ่อยิ้มแล้วดึงฉันเข้าไปนั่งใกล้ๆ คราวนี้ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว พรั่งพรูความเจ็บช้ำ เสียใจทุกอย่าง พ่อโอบฉันไว้นิ่งๆ จนฉันหยุด
พ่อก็ถามฉันว่า “ลูกว่าตอนที่พ่อตีลูก เพราะจับได้ว่าลูกขโมยเงินพ่อน่ะ ลูกเจ็บมากรึปล่าว”. “น่าจะเจ็บนะ ก็พ่อฟาดหนูด้วยเข็มขัดนี่หน่า ตีทีเดียวแต่น่องหนูแดงเป็นปื้นไปหลาย วันเลย หนูจำได้ว่าย่าต้องแอบเอายามาทาให้หนู แต่พ่อคะมันเจ็บไม่ถึงครึ่งของครั้งนี้ เลย หนูเจ็บมาก เจ็บจนบอกไม่ถูก” “ลูกจำไม่ได้หรอก พอพ่อตีลูกแล้ว ลูกก็ขึ้นไปนอนร้องไห้ พ่อตามไปถามว่าลูกจะ ทำอีกมั๊ย….ลูกบอกพ่อว่าลูกเข็ดแล้ว ลูกเสียใจมาก จะไม่ทำอีกแล้ว ครั้งนั้นลูกก็ เสียใจใช่มั๊ยล่ะ” ฉันรับคำพ่อเบาๆ เพราะความเสียใจครั้งนั้นมันเลือนลางมากแล้ว “แล้วตอนลูกเอ็นท์ไม่ติดล่ะ ลูกจำได้รึปล่าว ว่าลูกเสียใจขนาดไหน” “ครั้งนั้นหนูผิดหวัง โกรธตัวเองที่ทำไม่ได้ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง” ฉันจำได้ดีว่าฉัน เสียใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้นที่สอบไม่ได้ ร้องไห้ พ่อแม่ต้องปลอบอยู่เป็นอาทิตย์กว่า ฉันจะทำใจได้ “อืม…เทียบกับครั้งนี้….ตอนไหนเสียใจมากกว่ากันล่ะ” ฉันยังคงยืนยันว่าครั้งนี้ฉัน เสียใจมากจริงๆ มันคงต้องอาศัยเวลานานกว่าทุกครั้งกว่าฉันจะทำใจได้ พ่อโอบฉันแน่นขึ้น แล้วพูดว่า “นานแค่ไหน ลูกก็จะลืมมันได้ จะช้าหรือเร็วมันก็จะ ผ่านไป กลายเป็นแค่ความทรงจำเก่า ต่อไปพอลูกนึกถึง ลูกก็แค่จำได้ว่าลูกเสียใจ แต่ลูกจะไม่รู้สึกเสียใจอีกแล้ว เชื่อพ่อสิ….เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา….อนาคตมัน ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกลูก วันข้างหน้าลูกก็อาจจะเจอเรื่องร้ายๆ กว่านี้ ลูกก็จะบอก พ่อว่าลูกเสียใจที่สุดในชีวิต ลูกทำใจไม่ได้อีก”
ฉันนิ่งฟังพ่อ เข้าใจดีถึงสิ่งที่ท่านพยายามจะบอกฉัน “ฉะนั้นอะไรที่ลูกคิดว่า รักที่สุด เสียใจที่สุด มันไม่จริงหรอกลูก วันข้างหน้าลูกก็จะ เจอสิ่งที่เป็นที่สุดของที่สุด และทางที่ลูกยังต้องเดินมันอีกยาวไกล ลูกต้องแข็งแรง แล้วก็ตั้งสติดีๆ”
ฉันกอดพ่อนิ่ง ไม่รู้จะขอบคุณด้วยวิธีไหนได้ดีกว่านี้ เช้าวันนี้……ฉันยิ้มได้อีกครั้ง………กลับเป็นฉันคนเดิม….. มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังค้างคาอยู่ในใจ คือสิ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกพ่อ “พ่อคะ จริงๆ ครั้งที่หนูเสียใจมากที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ตอนที่พ่อตีหนู ไม่ใช่ตอนที่หนู เอ็นไม่ติด แล้วก็ไม่ใช่ตอนที่หนูเลิกกับเค้า…..แต่มันคือตอนที่พ่อจากหนูไปต่าง หาก” หลับให้สบายนะคะพ่อ….อย่าเป็นห่วงหนูเลย…..หนูจะเข้มแข็งและดูแลตัวเองให้ดี ที่ สุด..หนูรักพ่อที่สุดค่ะ พ่อคะ….ขอบพระคุณมากค่ะ
หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ
พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า…ฉันเหนื่อยเหลือเกินแล้ว
โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ฉันจะอ่อนล้าไปกว่านี้…การรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม
“การตัดใจ”ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย
ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า
กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า
อันไหนมันหนักหนากว่ากัน
ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ หนึ่งตลอดเวลา
เค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้
จงจำไว้ว่าตลอดเวลา มีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน
คน ๆ นั้นคือคุณพ่อและคุณแม่ของเรานั่นเอง