ความรวยกับความพอเพียง

0

ความรวยและความพอเพียงคืออะไร

มีน้องที่ทำงานถามว่า พี่อยากรวยแค่ไหน

ผมได้แต่ตอบไปว่า ใครๆก็อยากรวย แต่ความจริงก็คือ ถ้าเรามีอาชีพเป็นลูกจ้างที่ทำงานด้วยความสุจริต ไม่มีทางรวยหรอก ถ้าอยากรวยต้องไปประกอบอาชีพอย่างอื่น คนที่อยากรวยต้องมีความตั้งใจ ตั้งมั่นและมีความทะเยอทะยานสูง ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองรวย ผมไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานเช่นนั้น ดังนั้นชีวิตนี้ผมจึงไม่มีวันรวย แต่ถ้าอยากรู้ว่าผมอยากรวยแค่ไหน ก็พอจะตอบได้ เพราะที่เราทำงานอยู่นี้ก็เพื่อความอยู่รอด ต้องการมีปัจจัยสี่ ที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็ก นั่นคือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค ตลอดจนทำเพื่อลูก ดังนั้นสิ่งที่ผมต้องการคือเงินค่าใช้จ่ายปัจจัยสี่ข้างต้น อาหารทุกมื้อ ค่าเสื้อผ้า ที่อยู่อาศัยที่ประกอบไปด้วยค่าน้ำค่าไฟฟ้าบวกกับค่าซ่อมแซม ค่ายาและโรงพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ส่วนลูกนั้นก็จะมีค่าเล่าเรียนด้วย

ถ้าค่าใช้จ่ายต่อเดือนโดยเฉลี่ยประมาณ 10,000 บาทต่อคน ถ้าผมอายุ 40 ปี และมีชีวิตอยู่จนถึง 90 ปี แสดงว่าต้องใช้จ่ายต่อไปอีก 50 ปี ดังนั้นสองคนกับภรรยาต้องใช้เงิน 12,000,000 บาท ส่วนลูกหนึ่งคน ถ้าปัจจุบันอายุ 10 ขวบ ค่าใช้จ่ายประมาณเดือนล่ะ 15,000 บาท เมื่ออายุ 25 ปี เรียนจบและมีงานทำ จึงต้องใช้เงิน 2,700,000 บาท ดังนั้นความรวยของผม 14,700,000 บาท ถามว่าเงินจำนวนนี้มากหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า มากมากครับ โดยเฉพาะเมื่อมาคำนวนในเวลานี้ ที่อายุผู้เขียนมากแล้ว จะมาหาเงินมากขนาดนี้ในเวลานี้คงหาไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้เวลานี้คือ ประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อให้เงินค่าใช้จ่ายต่อเดือนลดลง ตัวเลขเงินทั้งหมดจะได้ลดลงด้วย

ความรวยที่ผมคิดก็มีเพียงเท่านี้ อย่างที่บอกตั้งแต่ต้น อาชีพอย่างที่ผมทำอยู่ไม่รวยหรอกครับ แต่อย่างน้อย สิ่งที่ผมคิด น่าจะทำให้คนที่อายุยังน้อยหันกลับมามองตัวเองว่า คุณอยากรวยเท่าไหร่ ควรจะประหยัดและเก็บเงินไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อนำมาใช้จ่ายเมื่ออายุมากขึ้น เราจะรวยมากมายทำไมกัน เราไม่ใช่ทำงานเพื่อสิ่งเหล่านี้หรือ สิ่งที่เหลือนอกจากนี้คือสิ่งเกินความจำเป็นทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าว เป็นตัวเลขสมมุติขึ้น ต้องไปหาตัวเลขที่แท้จริงมาคำนวณ โดยเฉพาะเรื่องค่าเล่าเรียนของลูกที่อาจมากกว่านี้ และสิ่งที่คาดเดายากคือเรื่องการเจ็บป่วย การประสบอุบัติเหตุที่รุนแรง การผ่าตัด การรักษาโรคที่ร้ายแรง ค่าใช้จ่าย 1,000,000 บาทก็อาจไม่เพียงพอ ถ้ารัฐบาลช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเรื่องการเจ็บป่วยได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป อย่างน้อยผู้มีรายได้น้อย จะได้หมดความกังวลใจกับเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ แม้แต่ตัวผมเองก็ตาม ถ้าค่าใช้จ่ายต้องเป็นภาระแก่ครอบครัว ผมคิดว่าเราควรจะตายซ่ะดีกว่า อย่าไปรักษาเลย

เรื่องความรวยเป็นสิ่งที่น่าแปลก ถ้าไปถามคนทำมาหากินที่เดินสวนกันทุกวัน เขาเหล่านั้นจะให้คำตอบได้ว่า เขาอยากรวยเท่าไหร่ บางคนบอก เพียงพอแล้ว ไม่อยากรวย แต่คำถามเดียวกัน ถ้าไปถามคนที่รวยๆ เขาอาจจะตอบไม่ได้ หรือถ้าเขาตอบ เราอาจต้องเก็บมาคิดว่า ไอ้ตัวเลขที่บอกเรานั้น จะอ่านว่าอย่างไร เพราะเลขศูนย์มันมากมายเหลือเกิน ความรวยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราอยากเป็น แต่อย่าให้เป็นทุกอย่างของชีวิต เพราะเมื่อเราคิดเช่นนั้น เราจะไม่มีความสุข เมื่อไม่มีความสุข เราจะรวยไปเพื่ออะไร และสุดท้ายลองถามตัวเอง คุณอยากรวยหรือมีความสุข ผมไม่รู้ว่าคุณตอบว่าอย่างไร แต่ผมอยากมีความสุขครับ

เมื่อสามสี่ปีก่อน โทรทัศน์มักพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ลูกสาวที่เรียนอยู่ชั้นประถมต้น ก็มักจะนั่งดูและฟังกับผมเป็นประจำ

วันหนึ่ง ผมถามเขาว่า: เรารวยมั้ย

ลูกสาวตอบ: ไม่รวย พออยู่พอกิน

พ่อถาม: อยากมีบ้านเดี่ยวสองสามชั้นหลังโตๆเหมือนเพื่อนมั๊ย

ลูกสาวตอบ: ไม่อยากได้

พ่อถาม: ทำไมล่ะ

ลูกสาวตอบ: อยู่อย่างนี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ

เมื่อสองสามวันที่ผ่านมานี้เอง ขณะที่ขับรถไปธุระกับลูกสาว ผมก็ถามลูกสาวว่า เรามีเงินไปโรงเรียน 30 บาทแต่อยากซื้อของราคา 50 บาท คิดดูซิว่าเราจะมีความสุขมั๊ย

ลูกสาวตอบ: ไม่มีความสุข

พ่อพูดต่อ: ใช่แล้ว เราจะไม่มีความสุข เพราะเรามีเงิน 30 บาทแต่เราไปคิดว่าทำอย่างไรจึงจะซื้อของ 50 บาทได้ คิดอย่างไรก็ไม่มี 50 บาท เราคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเราจะไม่มีความสุข แต่ถ้าเราคิดว่าตอนนี้เรามีเงิน 30 บาทเราจะเอาไปทำอะไร ที่พอดีกับเงิน 30 บาท เราจะมีความสุขมั๊ย

ลูกตอบ: มีความสุขค่ะ

คงเป็นเรื่องที่ครอบครัวสอนเรื่องความพอเพียง การใช้เงินอย่างเหมาะสม ใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ตั้งแต่ลูกสาวยังเล็ก ปัจจุบันในวันเกิดของเขา ผมก็จะถามทุกครั้งว่า อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดมั้ย เขาจะตอบทุกครั้งเช่นกันว่า ไม่อยากได้อะไร มีหมดแล้วค่ะ สุดท้ายวันเกิดของเขา ผมก็พาเขาไปทานข้าวนอกบ้านเท่านั้น
ที่มา www.toyskidcoating.com

Share.

About Author