เซ็กส์เสื่อมรักษาได้

0

อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย ( Erectile Dysfunction ) เรียกย่อๆ ว่า ED

เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เซ็กส์เสื่อม

ผู้ชายในอายุระหว่าง 40-70 ปีถึงร้อยละ 37.5 มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพ แต่ก่อนปัญหาเรื่องอวัยวะเพศชายไม่เกิดการแข็งตัวตามปกตินั้น บางท่านว่าเกิดจากเรื่องของจิตใจบ้าง เรื่องของอายุบ้าง สังขารบ้าง บางท่านก็ว่าให้ปลงเสีย แก่ปูนนี้แล้วจะเอาอะไรอีก (จริงๆแล้วความต้องการทางเพศในผู้ชายสูงอายุหาได้ลดลงไม่ !!)

จนกระทั่งมีการศึกษาเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง แล้วก็พบว่า ที่เราเข้าใจมานั้นไม่ถูกต้อง จึงเรียกภาวะเซ็กส์เสื่อมนี้เสียใหม่ จากคำว่า ไร้สมรรถภาพทางเพศ (impotence) เป็นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED ) จริงๆแล้วชื่อภาษาไทยนี้ก็ไม่ค่อยตรงกับภาษาอังกฤษนัก หมายถึงการที่อวัยวะเพศไม่สามารถเกิดการแข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่นานพอที่จะ มีเพศสัมพันธ์ได้จนจบเป็นที่พึงพอใจได้

ความเข้าใจเดิมไม่ถูกต้องเพราะ ทำไปทำมาพบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของ ED เกิดจากโรคทางกาย เช่นโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน บุหรี่ หรือ โรคที่เกิดจากแพทย์ เช่นจากการให้ยา หลังการผ่าตัดต่อมลูกหมาก หรือ ลำไส้ใหญ่ เป็นต้น แต่แน่นอนว่าเรื่องของจิตใจก็มีส่วนสำคัญด้วย โดยเฉพาะในคนอายุไม่มากนัก โดยมากพวกหลังนี้มักเป็นชั่วคราว หายเครียด หายกังวลก็กลับมาปึ๋งปั๋งเหมือนเดิม

ศึกษากันในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา พบตัวเลขที่น่าตกใจคือกว่าร้อยละ 50 ของผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป มีปัญหา ED นี้ มากบ้างน้อยบ้าง ยิ่งอายุมากขึ้นปัญหาก็พบบ่อยและรุนแรงขึ้น จะเห็นว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าเราเปิดใจให้กว้างและยอบรับว่าเซ็กส์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จะเห็นว่ามี “ผู้ป่วย” มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกทีเดียว !!

การศึกษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในประเทศไทยเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคย ศึกษามาก่อน กลุ่มผู้วิจัยศึกษาชายไทยอายุระหว่าง 40-70 ปีจำนวน 1,250 คน จาก 8 จังหวัดและกทม. พบตัวเลขน่าตกใจเช่นกัน คือ ชายไทยกลุ่มนี้มีปัญหา ED ร้อยละ 37.5 ตัวเลขนี้อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริงได้ (เพราะอาจจะอาย ไม่ยอมบอกความจริง) ที่สำคัญคือมีเพียงร้อยละ 2 เท่านั้นที่มาปรึกษาแพทย์ เช่นเดียวกันกับชายต่างชาติคือ ยิ่งอายุมากขึ้น ปัญหา ED ก็พบบ่อยขึ้น (ร้อยละ 73 ในชายไทยอายุ 60-70 ปี) โดยรวมแล้วส่วนใหญ่ ED อยู่ในขั้นไม่รุนแรง มีเพียงร้อยละ 4.7 ที่รุนแรงคือเสียการแข็งตัวอย่างสิ้นเชิง กลุ่มที่มีปัญหา ED มากที่สุดคือกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ

บทความนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่ออยากให้ผู้คนหันมาใช้ยากระตุ้นเซ็กส์ หรือยาช่วยในการแข็งตัว แต่อยากจะฝาก 2-3 อย่าง อย่างแรกคือ เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ว่าอายุเท่าไรก็ตาม เรื่องที่ 2 คือเรื่องนี้เป็นปัญหากับผู้ชายจำนวนไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ทำให้เสียชีวิต แต่ก็ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ทั้งของตัวเองและคู่สมรส

เรื่องสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แล้วไม่เคยปรึกษาแพทย์ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ เพราะ ED อาจเป็นอาการนำมาของโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ผมขอแนะนำว่าท่านควรรับการตรวจสุขภาพ เพราะโรคเหล่านั้นอาจไม่แสดงอาการผิดปกติเลยก็ได้

ปัญหาโรคเสื่อมสมรรถภาพในผู้หญิง

ผู้หญิงที่ยังไม่ถึงวัยทองจำนวนไม่น้อยก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน โดยโรคเซ็กส์เสื่อมในผู้หญิงนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจาก “จิตใจ” โดยเฉพาะความเครียด และความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เพราะไหนจะต้องทำงานบ้าน ไหนจะต้องทำงานนอกบ้าน ไหนจะเครียดเรื่องเงินทองไม่พอใช้ เรียกได้ว่ากว่าหัวจะถึงหมอนก็เหนื่อยกายเหนื่อยใจจนพาลให้หมดอารมณ์บรรเจิด ไปซะก่อนแล้วล่ะ

ส่วนสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ บรรดา “คุณผู้ชาย” ทั้งหลายนี่แหละ เพราะถ้าบังเอิญคุณได้ผู้ชายที่มีคุณสมบัติยอดแย่ไปครอบครอง ก็อาจทำให้เซ็กส์ของคุณเสื่อมได้เช่นกัน คุณสมบัติที่ว่านี้ก็เช่น เขามักจะมีเซ็กส์แบบเห็นแก่ตัว (ตามสไตล์ของผู้ชายส่วนใหญ่) คือ มักจะชิงรุกและถึงจุดสุดยอดก่อนเสมอ โดยทิ้งให้คุณนอนอารมณ์ค้างเติ่งอยู่เพียงผู้เดียว หรือบังคับให้คุณมีเซ็กส์ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมอยู่บ่อยๆ จนทำให้คุณรู้สึกว่าการมีเซ็กส์เป็นเรื่องฝืนความรู้สึก หรือในทางกลับกัน ถ้าเขาเป็นคนบ้างานจนไม่มีเวลาทำการบ้านกับคุณอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดากว่าจะเริ่มต้นกุ๊กกิ๊กกันใหม่ ก็กลายเป็นว่าคุณ “กามตายด้าน” ไปซะแล้ว

ที่กล่าวมาจะเห็นว่า สาเหตุที่ทำให้คุณสาวๆ ทั้งหลายป่วยเป็นโรคเซ็กส์เสื่อม ล้วนเกิดจากภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าภาวะทางร่างกาย ซึ่งแตกต่างจากโรคเซ็กส์เสื่อมในผู้ชายที่เกิดจากสรีระ คือ อวัยวะเพศที่เสื่อมและใช้งานไม่ได้ เมื่อมีความต้องการทางเพศก็จะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ (หรือที่เรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” นั่นแหละ) แต่ถึงอย่างไร ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงไม่ต่างกัน เพราะไม่ว่าโรคเซ็กส์เสื่อมจะเกิดกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ทำให้เสียสุขภาพจิตด้วยกันทั้งนั้น

รู้ถึงสาเหตุสำคัญของโรคแล้ว คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าคุณเข้าข่ายเป็นผู้หญิงเซ็กส์เสื่อมหรือเปล่า โดยเริ่มจากลำดับอาการเบื้องต้นคือ คุณจะไม่เกิดความรู้สึกอยากที่จะมีเซ็กส์กับคนรักแต่อย่างใด หรือถ้าจำเป็นต้องมีเซ็กส์ คุณก็จะไม่รู้สึกมีความสุข หรือไม่มีการตอบสนองต่อคนรักแต่อย่างใด เรียกง่ายๆ ว่านอนเป็นท่อนไม้หายใจได้อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงเซ็กส์เสื่อมบางคนอาจมีอาการต่อต้านเซ็กส์ร้ายแรงถึงขั้นเกร็งกล้าม เนื้อช่องคลอด จนไม่สามารถมีเซ็กส์ได้เลย

หากผู้หญิงคนไหนสำรวจตัวเองแล้วพบว่าเริ่มมีอาการดังกล่าว พึงระลึกได้เลยค่ะว่า โรคเซ็กส์เสื่อมกำลังถามหา ซึ่งถ้าคุณยังเป็นสาวโสดอยู่ก็คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมีครอบครัวแล้ว อาจจะส่งผลกระทบถึงสัมพันธภาพระหว่างคุณกับคนรักก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นรีบหาทางออกกันดีกว่า

การรักษาและแก้ไขปัญหาเซ็กส์เสื่อม

การรักษาโรคเซ็กส์เสื่อมในที่ดีที่สุดต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างคุณ และคนรักเป็นสำคัญ โดยต้องเริ่มจากตัวคุณก่อนใครเพื่อน นั่นคือ เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหมดอารมณ์ทางเพศ หรือมีความต้องการทางเพศลดลงให้รีบจัดระเบียบชีวิตในแต่ละวันเสียใหม่ โดยพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนแต่หัวค่ำ ทำอารมณ์ให้แจ่มใส ที่สำคัญต้องหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จะทำให้เลือดคั่งค้างส่วนนั้นของคุณได้ดีขึ้น เวลามีอะไรมาปลุกเร้าอารมณ์ คุณจะได้รู้สึกตอบสนองดีขึ้น นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะแร่ธาตุจำพวกสังกะสี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนที่จะไปปลุก อารมณ์ทางเพศของคุณให้กลับมาซู่ซ่าอีกครั้ง

อีกวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ไขเซ็กส์เสื่อมของคุณได้คือการเสริม และการสร้างอารมณ์รักให้บรรเจิดเหมือนแรกรัก ซึ่งคุณกับคนรักต้องมาพูดคุยตกลงกันก่อนว่า ชอบแบบไหนไม่ชอบแบบไหน หรือมีอะไรบ้างที่จะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้กลับมาอีกครั้ง เช่น การเล้าโลม ลูบไล้ เทคนิคการจูบ เสียงเพลงแสงเทียน หรือแม้แม้แต่การปฏิบัติกิจในสถานที่แปลกใหม่ ซึ่งถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง หรือดูน่าเกลียดจนเกินไป ก็น่าลองทำดู เพราะอย่างน้อยๆ มันจะช่วยสร้างบทอัศจรรย์ใหม่ๆ ให้คุณไม่ตายซากไปเฉยๆ แต่ถ้าใช้วิธีการดังกล่าวไม่ได้ผลแนะนำไห้เดินหน้าพบจิตแพทย์ได้เลย อย่าอายเด็ดขาด เพราะถ้ามัวแต่อาย อาจเฉาตายไม่รู้ตัว

เรียบเรียงโดย นพ.ระพีพล กุญชร ณ อยุธยา อายุรแพทย์โรคหัวใจ

Share.

About Author