10 ข้อควรรู้ในการถ่ายภาพอาหาร
สี เหล่านี้จะช่วยให้เกิดความรู้สึกสะอาดตา ทำให้อาหารโดดเด่นน่ารับประทานและน่าสนใจขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าจะใช้สีเข้มขรึมไม่ได้ แต่ควรระมัดระวังในการเลือกใช้ ควรเลือกสีพื้นที่จับคู่ของอาหารและภาชนะได้อย่างเหมาะสม
3. การจัดวางอาหารลงภาชนะในการถ่ายภาพ เราไม่เทอาหารลงในจานหรือชามในทีเดียว ควรนำจานหรือภาชนะที่ต้องการใช้ในการถ่ายภาพวางในฉาก scene นั้น เพื่อทำการประกอบภาพตั้งกล้อง หรือ ประกอบมุมกล้อง จัดวาง composition วาง props ให้เรียบร้อยรวมถึงการจัดแสง หรือกำหนดทิศทางแสง (ในกรณีที่ใช้แสงธรรมชาติ) ให้เรียบร้อยพร้อมถ่ายภาพก่อน
เพราะถ้าทำอาหารมาวางเลยจะต้องเสียเวลาในการจัดมุมกล้อง วาง props จัดแสง อาหารก็จะไม่สดใหม่ ใบผักที่ใช้โรยหน้าอาจเหี่ยวเฉา ดูไม่น่ารับประทาน
4. การจัดวางอาหารมีหลายรูปแบบ ถ้าผู้จัดไม่ได้เป็น chef ทำอาหารที่ผ่านหลักสูตรการทำอาหารจากสถาบันต่างๆ มาก่อน ก็ต้องทำการเรียนรู้วิธีการต่างๆ
เพื่อจัดวางอาหารให้ดูสวยงามเสียก่อน การจัดวางอาหารลงบนภาชนะไม่ว่าจะเป็นจาน ชามหรือภาชนะใดๆ ก็ตามไม่จำเป็นว่าจะต้องรับประทานได้เสมอไป
เพราะเราจัดเพื่อใช้ในการถ่ายภาพโฆษณาหรือทำเมนูอาหาร ดังนั้น ส่วนผสม วัตถุดิบต่างๆ อาจไม่สุกจริงก็ได้เพื่อความสดของอาหารและไม่เหี่ยวดำหมอง เมื่อต้องใช้เวลาก่อนลั่นชัตเตอร์ ในบางครั้งการจัดจานอาหารเราจะต้องใช้วัสดุรองในจานหรือชามเพื่อหนุนให้ อาหารสูงขึ้นหรือพูนขึ้น วัสดุนั้นอาจเป็นดินน้ำมันสีขาว
หรือบางทีก็ใช้ก้อนหินสีขาวขนาดเล็กๆ ประมาณ 1-2 ซม. วางรองก้นชาม และใช้ไม้จิ้มฟันปลายแหลมปักลงบนกองหิน หรือ ดินน้ำมัน ที่ปลายอีกด้านหนึ่งก็เสียบชิ้นอาหาร เช่น ก้อนเนื้อไก่ ตัวกุ้ง ให้แต่ละอันสูงต่ำเป็นระดับต่างๆกัน อยู่ในองศาหรือตำแหน่งที่สวยงาม
นำภาชนะนั้นไปวางในฉากก่อนแล้วจึงใช้เหยือกหรือช้อนตักน้ำแกง น้ำซุป รินลงในภาชนะนั้น เพื่อไม่ให้เลอะขอบของจานหรือชาม ซึ่งถ้าทำข้างนอกแล้วยกไปวางจะทำให้เลอะเทอะที่ขอบชาม จะเช็ดยากมากๆ
5. ย้อนกลับไปเรื่องของการจัดองค์ประกอบในการถ่ายภาพ เรื่องของแสงมีสองอย่าง คือ แสงที่เราจัดด้วยไฟแฟลช ในสตูดิโอ และแสงธรรมชาติ
โดยส่วนตัวแล้วการใช้แสงธรรมชาติ Ambient Ligุht หรือแสงหน้าต่าง Window Light เป็นแสงที่ถ่ายภาพอาหารได้สวยงามและง่ายที่สุด แต่ต้องเข้าใจเรื่องทิศทางของแสงให้ดี
การ ใช้แสงธรรมชาติ เลือกทิศทางที่กึ่งย้อนแสงเล็กน้อยอาจให้ตำแหน่งของแสงอยู่เฉียงทางซ้ายหรือ ทางขวาประมาณ 45-60 องศาของผู้ถ่าย แล้ววัดแสงในส่วนที่อยู่ในเงา Shadow ให้พอดี ไม่ต้องห่วงว่าส่วนที่ถูกแสงจะโอเวอร์ ให้ห่วงสาระสำคัญของภาพ
ถ้าส่วนสำคัญของภาพโอเวอร์ให้หรี่รูรับแสงลงหรือเพิ่มความเร็วหน้ากล้อง ส่วนที่โอเวอร์ก็จะลดลง แต่ในเงามืดก็จะมืดลงเช่นกันให้แก้ไขโดยใช้แผ่นสะท้อนแสงสีขาว สีเงิน หรือแผ่นกระจกเล็กๆ ส่วนมากผมจะใช้กระจกแผ่นเล็กๆ สะท้อนแสงเพิ่มความสว่างตามจุดต่างๆ ของภาพ อาจใช้แผ่นเดียวหรือหลายแผ่น
6. ข้อควรระวัง ไม่ควรวัดแสงของ Highlight และให้แสงใน Shadow เท่ากัน เพราะทิศทางของแสงจะหมดความหมายไป ภาพที่ได้มันจะแบนไม่สวยงาม
7. การใช้แสงไฟแฟลชในสตูดิโอเหมาะสมกับงานถ่ายภาพเมนูอาหารหรือภาพโฆษณา เพราะต้องใช้เวลามากในการถ่ายภาพ และถ้าใช้แสงธรรมชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและแต่ละช่วงเวลาแสงจะไม่ เหมือนกันจึงต้องใช้ไฟแฟลชช่วย แต่การจดแสงด้วยไฟแฟลชนั้น จะต้องมีทักษะความรู้ในการใช้งานไฟแฟลชในสตูดิโอพอสมควร
การกำหนดตำแหน่งของแสงก็อยู่ในทิศทางเดียวกับแสงธรรมชาติ คือทิศทางไฟหลัก กึ่งย้อนแสงซ้ายหรือขวาของผู้ถ่ายเช่นกัน แต่ไม่ควรย้อนแสงโดยตรง
เพราะอาจทำให้เกิดการสะท้อนกลับในจานอาหารประเภทที่เป็นน้ำหรือชามซุป สะท้อนกลับเข้ากล้องเป็นสีขาวไม่เห็นรายละเอียดในชาม
8. การเพิ่มแสงในเงามืดเราจะใช้ไฟเพิ่มอีกแต่ในทิศตรงกันข้าม กับไฟหลัก เพื่อลดความเข้มของเงามืดที่ทอดลงที่พื้นหรือ เพิ่มความสว่างของอาหารในเงามืดให้มีรายละเอียดมากขึ้น แต่ต้องระมัดระวังเรื่องน้ำหนักของแสงไม่ให้เท่ากับแสงหลัก เพราะภาพที่ได้จะแบนเช่นกัน อาจใช้แผ่นสะท้อนแสง เช่น โฟมขาว กระจกเงาแผ่นเล็กๆ เพื่อช่วยทำให้แสงในเงามืดสว่างขึ้นได้เช่นกัน
9. การเลือกรูรับแสง หรือการกำหนดความลึกระยะชัด Deep of Field ที่ผมนิยมใช้ก็อยู่ประมาณ f 5.6-f 8 สำหรับกล้องเล็ก DSLR หรือ f11.5 -16 สำหรับกล้อง Medium Format เพราะถ้าใช้หน้ากล้องแคบมากๆ ทำให้มีความลึกระยะชัดมากขึ้นจริงแต่คุณภาพของความคมชัดจะด้อยลงและอาจทำให้ เกิดความรู้สึกแข็งกระด้าง
10. เราควรมีวัตถุดิบ ที่เป็นของสดสำหรับใช้โรยหน้าอาหารอยู่ใกล้ๆ เช่น ใบผักชี ใบสะระแหน่ แช่น้ำเย็นใส่ถ้วยเอาไว้ใกล้ๆ เพราะผักเหล่านี้ค่อนข้างจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว ต้องเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ
และควรมีถ้วยน้ำมันพืชและพู่กันใช้สำหรับทาบนอาหารให้ดูเงางามและอาจช่วยให้ สีสดขึ้น (ไม่ควรทาน้ำมันลงบนอาหารประเภททอดมากนัก เพราะดูแล้วจะไม่น่ารับประทาน ดูเสียสุขภาพ)
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนวิธีการทำงานการถ่ายภาพ อาหารในแบบของผม ซึ่งไม่ได้เป็นการให้คำแนะนำ หรือสอนสั่งแต่อย่างใด เป็นเพียงความคิดเห็น ผมพูดเสมอว่าสำหรับผมถ่ายภาพเพื่อหาเลี้ยงชีพไม่ได้เก่งและยินดีรับความคิด เห็นของทุกท่านเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกันเสมอครับ ที่สำคัญต้องพยายามสรรหาภาพที่ท่านชอบจากนิตยสารต่างๆ
หรือจากอินเตอร์เน็ตแล้วพิจารณาภาพนั้นๆ ในเรื่องของการกำหนดทิศทางแสง การใช้สีประกอบกันเป็นองค์ประกอบ เพื่อเป็นแนวทางที่ใช้ในการฝึกฝนจนชำนาญ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย