ชีวิตของคนเรา เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการปฏิสนธิ คือเมื่อมีการรวมเซลล์เพศของพ่อกับไข่ของแม่ ขึ้นมาเป็นเซลล์พิเศษเซลล์หนึ่ง ซึ่งจะมีการแบ่งตัวและเพิ่มเซลล์มากขึ้นๆ นับเป็นจำนวนล้านๆ เซลล์และมาฝังตัวเจริญเติบโตจนเป็นตัวทารกในมดลูกของแม่เป็นเวลา 10 เดือน (40 อาทิตย์ หรือ 280 วัน) ก็ครบกำหนดที่จะคลอดออกมาสู่โลกภายนอก
นับแต่เกิดมา คนเราทั้งเพศชายและหญิง จะเจริญพัฒนาผ่านตั้งแต่วัยทารก วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว และวัยสูงอายุ แล้วในที่สุดก็เป็นไปตามกฏของธรรมชาติชิวิต เมื่ออุบัติมาแล้วก็มีวิบัติ คือ ชีวิตสิ้นสูญไป
เมื่อเกิดมาคนเราจะเจริญเติบโต ต้องศึกษาเล่าเรียน ต่อมาเมื่อพ้นจากการเรียน ก็ต้องทำกิจกรรมการงานประกอบอาชีพสร้างฐานะให้มั่นคง แล้วก็ต้องทำหน้าที่สำคัญของธรรมชาติชีวิตคือ มีการสืบพันธ์ เพื่อยังไว้ซึ่งมนุษยชาติ คนเราจึงมีการแต่งงาน และมีลูก ต่อจากนั้นในที่สุดก็จะแก่แล้วตายไป
ความแท้จริงของชีวิตคนเราจึงต้องมี เกิด แก่ เจ็บ และตาย ระยะเวลาที่ชีวิตของคนมามีบทบาทอยู่ในโลก อาจอยู่ได้นานบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ละคนไป แต่ถึงอย่างไร อายุของคนก็ยังสั้นนัก แม้ว่าคนในปัจจุบันนี้จะมีอายุยืนยาวกว่าแต่ก่อน โดยเมื่อ 100 ปีมาแล้ว อายุคนโดยเฉลี่ยจะมีอายุได้เพียง 45-50 ปี เวลาปัจจุบันนี้ อายุคนโดยเฉลี่ยทีได้ถึง 60-65 ปี คนอายุ 70-80 ปี เห็นกันได้มากขึ้น แต่ก็น้อยคนนักที่จะมีอายุอยู่ถึง 100 ปี
เมื่อนึกถึงชีวิตของคนที่จะเปลี่ยนแปลงไปและมีหน้าที่ไปได้ต่างๆ ในแต่ละวัยแล้ว ก็นึกไปถึงนิทานที่ผู้ใหญ่ครั้งคุณย่าคุณยายแต่ก่อนๆ โน้นเล่าต่อๆกันมาให้ฟัง ถึงเรื่องราวเกิดของคนและสัตว์ในโลก แม้ว่าจะเป็นนิทานเล่ากันให้เด็กฟังเล่น แต่ก็เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตคนในเวลานี้ได้ พวกเด็กๆเวลานี้คงไม่เคยได้ยินได้ฟังหรอก ถ้าจะเล่าต่อให้ฟังบ้างก็คงไม่เสียหลาย จำได้ว่าเรื่องมีดังที่จะเล่าต่อไปนี้
เมื่อมีโลกขึ้นมาในจักรวาลแล้ว พระอินทร์ก็จะให้มีสัตว์โลกอยู่ในโลก สัตว์โลกพวกแรกที่จะส่งมาได้แก่ คน ควาย สุนัข และลิง พระอินทร์ให้สัตว์ทั้ง 4 เข้าเฝ้า แล้วตรัสว่าจะให้ไปเกิดในโลกพระอินทร์จะประทานอายุให้อยู่ในโลก 30 ปีจึงจะตาย คนก็รับเอาอายุนั้นไว้ด้วยความยินดี
ฝ่ายควายเมื่อรู้ว่าจะต้องอยู่ในโลกถึง 30 ปี ก็กลุ้มใจนักก้มลงกราบพระอินทร์แล้วทูลว่า “พระองค์ประทานอายุให้ข้าฯ ถึง 30 ปี ข้าฯ ทนไม่ไหว ข้าฯ จะต้องทำงานให้คน คนใช้ทำงานหนักลากเกวียน ทำไร่ ไถนา บรรทุกข้าวของ ไม่พอใจก็เฆี่ยนตีลงปฏักให้เจ็บปวด ข้าฯ ขอรับอายุเพียง 10 ปี ก็พอแล้ว อีก 20 ปี โปรดเอาคืนเถิด
คนได้ยินควายพูดเช่นนั้น ก็รีบก้มกราบทูลขอ “อายุ 20 ปีที่ควายไม่ประสงค์จะรับนั้น ได้โปรดประทานแก่ข้าฯ เถิด” พระอินทร์ก็ประทานอายุให้ควาย 10 ปี อายุควาย 20 ปีที่ควายขอคืนนั้นให้คน คนก็ได้อายุไว้รวมเป็น 50 ปีแล้ว
มาถึงสุนัข เมื่อพระอินทร์จะประทานอายุ สุนัขก็ขอมีอายุเพียง 10 ปี และขอคืนอายุ 20 ปี โดยให้เหตุผลว่า อยู่นานเกินไปเห็นจะทนคนไม่ไหว ต้องเฝ้าบ้าน ถูกกักขังอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ไปไหน พอแก่แล้ว คนก็ไม่เอาใจใส่ ต้องเห่า ต้องหอน ไม่ได้หลับนอนบางทียังถูกแกล้ง ถูกรังแก…
คนดีใจยิ่งนัก รีบกราบขออายุสุนัขที่จะคืนนั้นทันที พระอินทร์ประทานให้ คนก็มีอายุ 70 ปีล่ะ
พอถึงลิงก็เช่นเดียวกัน ลิงขออายุเพียง 10 ปี ขอคืนอายุ 20 ปี เพราะขืนอยู่นานคนก็จะจับมาเลี้ยงมาใช้ให้เล่นละครลิง ให้เก็บมะพร้าว ต้องถูกล่ามโซ่ เฆี่ยนตี กักขัง สารพัด ฯลฯ
คนขออายุลิงที่จะคืน 20 ปี พระอินทร์ก็ประทานให้ คนก็มีอายุที่จะอยู่ในโลกได้ถึง 90 ปี
ต่อจากนั้น สัตว์ทั้ง 4 ก็ลงมาเกิดอยู่ในโลก คนเมื่อเกิดมาในโลก 30 ปีที่ได้ใช้ชีวิตคน มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขสนุกสนาน กิน เที่ยว และนอน หาความสุขความสบายใส่ตัว ใช้ชีวิตของคนให้หมดไปวันหนึ่งๆ จนหมดอายุของคน
ต่อมา นับแต่อายุ 31-50 ปี มีอายุอยู่ตามอายุของควายที่ตนขอมา ในระยะอายุ 20 ปีของอายุควาย คนต้องทำงานหนักต้องทำมาหากิน ต้องหาเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว ทำงานเพื่อคนอื่นๆต้องรับผิดชอบในชีวิต ในหน้าที่การงานของตนและคนอื่น ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ จากการใช้ชีวิตควาย
พอใช้อายุควายหมด ก็เริ่มใช้อายุของสุนัข ระยะของอายุ 51-70 ปี ก็เริ่มต้นงานน้อยลง อยู่บ้าน ไม่ค่อยไปไหนมาไหน เฝ้าบ้านและห่วงบ้าน ห่วงลูกหลาน
พอหมดอายุสุนัข ก็เริ่มใช้ชีวิตลิง ตั้งแต่อายุ 70 ปีเรื่อยไปสมองเริ่มเสื่อม หลงๆลืมๆ จะทำอะไรพูดอะไรก็ทำไปตามพอใจ รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง
นิทานที่เล่าๆกันมานี้ รวมความว่า คนเรามีชีวิตตลอดมาตลอดชั่วชีวิต โดยใช้ชีวิตอย่างคน อย่างควาย อย่างสุนัข อย่างลิง เปรียบเทียบถึงวัยที่ผ่านมาตั้งแต่เกิด จนถึงวัยสูงอายุ ฟังแล้วก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน ใครจะถือเอาเป็นนิทานปริศนาทางธรรมก็ได้